Warning: Use of undefined constant name - assumed 'name' (this will throw an Error in a future version of PHP) in /home/wkk3acth/domains/wkk3.ac.th/public_html/index2.php on line 6

Warning: Use of undefined constant file - assumed 'file' (this will throw an Error in a future version of PHP) in /home/wkk3acth/domains/wkk3.ac.th/public_html/index2.php on line 6
wkk3.ac.th
[x] ปิดหน้าต่างนี้
Powered by ATOMYMAXSITE 2.9

  

   เว็บบอร์ด >> ห้องนั่งเล่น >>
หลังจากไม่ได้ลงสนามนานถึง 17 เดือนหรือเกือบปีครึ่งจนแฟนบอลแมนยูแทบจะลืมหน้าไปแล้ว  VIEW : 46    
โดย Z

UID : ไม่มีข้อมูล
โพสแล้ว : 13
ตอบแล้ว :
ระดับ : 2
Exp : 100%
ออฟไลน์ :
IP : xxx

 
เมื่อ : อังคาร ที่ 10 เดือน ธันวาคม พ.ศ.2567 เวลา 10:19:25    ปักหมุดและแบ่งปัน



หลังจากไม่ได้ลงสนามนานถึง 17 เดือนหรือเกือบปีครึ่งจนแฟนบอลแมนยูแทบจะลืมหน้าไปแล้ว แต่ตอนนี้ ไทเรลล์ มาลาเซีย หายเจ็บและพร้อมกลับมาลงสนามช่วย "ปีศาจแดง" อีกครั้ง
 สตาร์ชาวดัตช์ วัย 25 ปีได้รับบาดเจ็บหนักจนพลาดลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่ตั้งแต่ซัมเมอร์ปี 2023 หลังเข้ารับการผ่าตัดหัวเข่าเนื่องจากบาดเจ็บหนักตอนที่ช่วยทีมชาติเนเธอร์แลนด์ แพ้ โคเอเชีย 2-4 ในรอบรองชนะเลิศ ศึกเนชั่นส์ ลีก 
 มาลาเซีย ไม่ได้ลงเล่นตลอดฤดูกาล 2023/2024 หลังเข้ารับการผ่าตัดรอบสองจากอาการบาดเจ็บที่เลวร้ายกว่าครั้งแรก ซึ่งทำให้แผนคัมแบ็กในเดือนกุมภาพันธ์ต้องพังไม่เป็นท่า แต่ในช่วงเวลานั้นได้เกิดทฤษฎีสมคบคิดสุดแปลกหลังเขาไม่ได้โพสต์อะไรเลยในสื่อสังคมออนไลน์
 อย่างไรก็ตามตอนนี้ มาลาเซีย กลับมาลงสนามให้ แมนยู ได้แล้ว หลังลงเล่นไป 45 นาทีในครึ่งแรกเกมชุดอายุต่ำกว่า 21 ปี ที่พบกับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ ซึ่ง "ผีแดง" แพ้ยับ 1-4 ในรายการ อีเอฟแอล โทรฟี่ เมื่อคืนวันอังคารที่ 12 พ.ย. ที่ผ่านมา
 ตอนนี้นักเตะเลือดดัตช์เปิดใจเกี่ยวกับสถานการณ์ชีวิตในช่วงที่พักรักษาตัว รวมถึงการที่ต้องเข้ารับการคุ้มครองพยาน และความยากลำบากในเรื่องปัญหาครอบครัวที่จะต้องรับมือ นอกจากนี้เจ้าตัวยังชี้แจงเกี่ยวกับข่าวลือแปลกๆ มากมาย อาทิเช่นเสียชีวิตไปแล้ว เป็นต้น
 มาลาเซีย กล่าวว่า "ไม่ ไม่เป็นความจริงเลย ไม่เลย ผมก็แค่เข้ารับการฟื้นฟูร่างกาย โดยเฉพาะตอนที่ผมอยู่ที่ฮอลแลนด์ ผมได้อยู่ใกล้ชิดกับครอบครัวผม ดังนั้นผมมีแค่ฝึกซ้อม, ครอบครัว, นอน, ฝึกซ้อม, ครอบครัว, นอน วนเวียนแบบนี้ทุกวัน นั่นสิ่งเรื่องเดียวที่ผมทำมาตลอดในช่วงเวลานั้น"
 ขณะเดียวกัน มาลาเซีย ไม่สนใจใยดีเกี่ยวกับข่าวลือแปลกๆ ในโลกออนไลน์ เพราะเขาไม่ต้องการใช้เวลาไปกับสื่อโซเชียล และได้ยินเรื่องเหล่านี้ผ่านจากการสอบถามของเพื่อนฝูงกับครอบครัวเพียงเท่านั้น 
 "สิ่งแรก ผมไม่ใช่คนที่ติดโซเชียลมากนัก ถ้าไม่ใช่ญาติหรือแม่ของผมส่งเรื่องนี้มาให้ผมดู ผมก็คงไม่รู้อะไรเลย มีเวลาเยอะมาก ผ่านไปสัปดาห์หลังจากที่ผมได้ทราบว่าพวกเขาพูดเรื่องโน้นเรื่องนี้ ตราบใดที่ครอบครัวของผม และผมรู้ว่าผมเป็นคนดี มันก็เพียงพอแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดก็คือผมรู้ว่าผมเป็นคนดี 
 ที่สำคัญ มาลาเซีย เน้นย้ำว่าเขามีเรื่องสำคัญมากกว่าที่ต้องจัดการหลังจากที่ แซนรอย บิดาบังเกิดเกล้าล้มป่วยอย่างหนัก "มันค่อนข้างยากลำบาก เพราะผมไม่ใช่คนที่ชอบพูดเรื่องพวกนี้ แต่พ่อของผมป่วย ท่านไม่สามารถเดินได้อีกต่อไป สำหรับครอบครัวผม มันส่งผลกระทบอย่างมาก บางครั้งมันยังคงเจ็บปวด"
  ครอบครัวของ ดาวเตะแมนยู ต้องพบกับเรื่องสุดเศร้าเมื่อคุณย่าเสียชีวิตในเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา ซึ่งเกิดขึ้น 6 ปีหลังเขาสูญเสียคุณปู่ "สำหรับผมท่านเปรียบเสมอแม่ เป็นแม่คนที่สองของผม ผมใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นสองปี"
 "ผมอยู่ที่นั่นทุกวัน โดยเฉพาะตอนที่ผมเล่นในฮอลแลนด์ หลังจากการซ้อมผมจะไปที่นั่น ทุกครั้งที่ผมกลับไปที่ฮอลแลนด์ สิ่งแรกที่ผมทำก็คือแวะไปเยี่ยมท่าน เป็นสิ่งแรกที่ผมทำมาตลอด"
 ตอนนี้นักเตะกำลังเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญมาก โดยเฉพาะการแย่งตำแหน่งตัวจริงในยุคใหม่ที่ รูเบน อโมริม กุนซือชาวโปรตุกีส เข้ามากุมบังเหียน โดย มาลาเซีย กล่าวว่า "ผมเรียนรู้เรื่องความอดทน เราไม่ต้องรีบร้อน ทุกอย่างกำลังดีวันดีคืน ค่อยๆ ก้าวไปทีละก้าว"
 มาลาเซีย เข้ารับการรักษาตัว และพยายามที่จะฟื้นฟูร่างกายให้ฟิตสมบูรณ์ที่สุด โดยนักเตะยอมรับว่าอาการบาดเจ็บแม้จะเลวร้ายแต่ก็ทำให้ได้ประสบการณ์มากมาย "ผมไม่มีอะไรต้องเสียใจ ทุกประสบการณ์ แม้จะเป็นความผิดหวัง มันคือบทเรียน ผมไม่มีอะไรต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้"
 หนึ่งในเรื่องที่ทำให้ มาลาเซีย ซาบซึ้งมาก นั่นก็คือการได้รับคำชวนจากเพื่อนร่วมทีม โดยเฉพาะ กาเซมีโร่ ที่ต้องการให้เขาเดินขึ้นไปรับโทรฟี่แชมป์เอฟเอ คัพ ร่วมกับทีม  หลังปราบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่สนามเวมบลีย์ "แน่นอนว่า ผมอยากอยู่ในสนามเพื่อเป็นกำลังใจให้กับทุกคน"
 "แต่สำหรับผมเรื่องที่ยากที่สุดก็คือการขึ้นไปอยู่ตรงนั้นร่วมกับพวกเขา (ตอนเดินขึ้นไปรับถ้วยแชมป์) เพราะผมไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมตลอดเส้นทางที่ทีมก้าวไปถึงจุดนั้น ผมแบบว่า -ขออยู่ตรงนี้ และดูทุกคนมีความสุขก็พอแล้ว หลังจากนั้นก็ไปเจอกับพวกเขาที่ห้องแต่งตัว-"
 "เขา (กาเซมีโร่) บอกว่า - ไม่เอาน่า นยต้องขึ้นไปอยู่ตรงนั้นด้วย- และถ้าคนที่มีประสบการณ์แบบนั้นบอกกับคุณๆ ก็ควรรับฟัง พวกเขาพูดว่า -ท้ายที่สุดนายก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของทีม- ผมเข้าไปในห้องแต่งตัวตลอดทั้งซีซั่น และได้เห็นทุกอย่าง พวกเขารู้ว่ามันยากแค่ไหนที่ผมต้องทำงานหนักทุกวันในการกลับมาสู่ทีม ดังนั้นพวกเขาบอกว่าผมสมควรได้รับสิ่งนี้ร่วมกับทุกคน"
 นอกจากนี้ มาลาเซีย ยังได้เล่าประสบการณ์สุดประทับใจตอนที่ กาเซมีโร่ มอบเหรียญแชมป์เอฟเอ คัพให้กับเขา และปฏิเสธที่จะเอามันคืน "ก็อย่างที่ผมพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ ถ้าเขามอบสิ่งนี้ให้กับคุณ คุณก็ต้องฟัง และน้อมรับมันไว้!"



สนับสนุนโดยเว็บไซต์ Ufabet