ศึกพรีเมียร์ลีก แมตช์เดย์ที่ 13 เริ่มหวดแข้งกันตั้งแต่คืนวันอังคาร โดยมีคู่บิ๊กแมตช์ ในคืนวันพุธ เป็นการเจอกันระหว่าง ลิเวอร์พูล พบ ทอตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ซึ่งมีตำแหน่งจ่าฝูงเป็นเดิมพัน ส่วนคู่อื่นๆ จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ไปดูกันได้เลย
"วูล์ฟส์-เชลซี" นับตั้งแต่กลับมาเล่นบนเวที พรีเมียร์ลีก เมื่อปี 2018 วูล์ฟแฮมป์ตัน เอาชนะเกมในบ้าน 6 จาก 8 นัดยามที่เล่นคืนกลางสัปดาห์(อังคาร, พุธ, พฤหัสบดี) รวมถึงนัดที่เอาชนะ เชลซี 2-1 เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2018
วูล์ฟส์ ตั้งเป้าที่จะหลีกเลี่ยงความพ่ายแพ้ใน พรีเมียร์ลีก 3 นัดติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2018 ขณะที่ฝั่ง เชลซี ที่เพิ่งแพ้ เอฟเวอร์ตัน เมื่อคืนวันเสาร์ ก็ไม่อยากที่จะแพ้สองนัดติดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2019
ในรอบ 17 นัดหลังสุดที่เจอกับ วูล์ฟส์ บนลีกสูงสุด มีแค่นัดเดียวเท่านั้นที่ เชลซี ไม่สามารถทำประตู ซึ่งเกมนั้นเกิดขึ้นเมื่อเดือนมกราคม ปี 2011 ในเกมที่พวกเขาพ่ายไป 0-1 ที่ โมลินิวซ์ กราวน์
แทมมี่ อับราฮัม ยิงใส่ วูล์ฟส์ ได้ 6 ประตูจากการลงสนาม 4 นัด โดยเจ้าตัวซัดแฮตทริกได้ในเกมที่ "สิงห์บลูส์" เอาชนะ 5-2 เมื่อซีซั่นก่อน การเจอกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ถือเป็นของชอบสำหรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สุดๆ เมื่อ 13 เกมหลังพวกเขาเอาชนะได้ทุกนัด โดยยิงได้ 37 ประตู และเสียแค่ 9 ลูกเท่านั้น ซึ่งนับเป็นสถิติที่ยาวนานที่สุดในการเจอกันของสองทีมบนลีกสูงสุด
เวสต์บรอมฯ ตั้งเป้าคว้าชัยชนะครั้งแรกที่ถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม(เสมอ 2 แพ้ 9) โดยครั้งสุดท้ายที่พวกเขาชนะ ซิตี้ ถึงบ้านของ "เรือใบสีฟ้า" ได้ก็ต้องย้อนไปสมัยที่ยังใช้สนาม เมน โร้ด เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2013 ในชัยชนะ 2-1
เควิน เดอ บรอยน์ มีส่วนร่วมกับประตู 12 ลูกจาก 7 นัดหลังสุดในการเจอกับทีมน้องใหม่ โดยทำได้ 5 ประตูกับอีก 7 แอสซิสต์
หาก เวสต์บรอม ชนะได้ ก็จะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาเก็บสามแต้มได้ในเกมคืนวันอังคาร หลังจากก่อนหน้านี้ 27 นัดไม่ชนะได้เลย(เสมอ 12 แพ้ 15) ซึ่งเป็นตัวเลขมากที่สุดต่อหนึ่งทีมที่ลงเล่นในวันนั้นๆ ที่ปราศจากชัยชนะ
jimlittleattorney.com
|