[x] ปิดหน้าต่างนี้
Powered by ATOMYMAXSITE 2.9
wkk3.ac.th
[x] ปิดหน้าต่างนี้
Powered by ATOMYMAXSITE 2.9
   
ยินดีต้อนรับคุณ บุคคลทั่วไป  
English Chinese (Simplified) Chinese (Traditional) French German Italian Japanese Korean Portuguese Russian Spanish Vietnamese Thai     
ค้นหา   


  

   เว็บบอร์ด >> ห้องนั่งเล่น >>
เชราร์ อุลลิเย่ร์ ผู้รัก ลิเวอร์พูล แม้จะโดนขู่ฆ่า   VIEW : 413    
โดย ชาบู

UID : ไม่มีข้อมูล
โพสแล้ว : 421
ตอบแล้ว :
ระดับ : 16
Exp : 62%
ออฟไลน์ :
IP : xxx

 
เมื่อ : เสาร์์ ที่ 2 เดือน มกราคม พ.ศ.2564 เวลา 13:29:52    ปักหมุดและแบ่งปัน



    

แน่นอน ถ้าเทียบกับตำนานกุนซือคนต่างๆ แล้วนั้น อุลลิเย่ร์ อาจจะไม่ได้ประสบความสำเร็จเท่ากับคนเหล่านั้น เขาเคยพา ลิเวอร์พูล ได้แชมป์ เอฟเอ คัพ 1 สมัย, ลีก คัพ 2 ครั้ง, แชร์ริตี้ ชิลด์ 1 หน, ยูฟ่า คัพ 1 สมัย และ ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ 1 ครั้งตลอดช่วงที่เขาอยู่ในตำแหน่งระหว่างปี 1998-2004 ซึ่งมันอาจจะไม่ใช่ความสำเร็จที่ดีพอในสายตา "เดอะ ค็อป" บางส่วน ยิ่งพอ ราฟาเอล เบนิเตซ คนที่เข้ามาคุมทีมแทนเขาสามารถพาทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ตั้งแต่ซีซั่นแรกที่เข้ามารับงานต่อจากเขาแล้วนั้น ความสำเร็จที่ผ่านมาของ อุลลิเย่ร์ ก็โดนแฟนบอลกลุ่มเล็กๆ มองข้ามมากขึ้นไปอีก   

อย่างไรก็ตาม สำหรับแฟนบอล ลิเวอร์พูล กลุ่มใหญ่แล้วนั้น อุลลิเย่ร์ ถือเป็นหนึ่งในกุนซือขวัญใจของพวกเขา เพราะอดีตนายใหญ่ชาวฝรั่งเศสช่วยทำให้สโมสรเกิดความทันสมัยหลายอย่าง อาทิเช่น การปรับสภาพภายใน เมลวู้ด อดีตสนามซ้อมของทีมให้เข้ากับยุคสมัยใหม่มากขึ้น หรือการวางรากฐานโครงสร้างของสโมสร เป็นต้น นอกจากนี้ อุลลิเย่ร์ ก็ยังรัก ลิเวอร์พูล ทั้งในฐานะสโมสรฟุตบอลสโมสรหนึ่งและในฐานะเมืองจากใจจริงด้วย ซึ่งมันมีไม่กี่คนที่จะมีความผูกพันมากถึงขนาดนั้น...แม้ว่าเขาจะเคยโดนขู่ฆ่าก็ตาม

    เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2004 โดยต้องย้อนความหลังก่อนว่าในฤดูกาล 2003-04 ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของ อุลลิเย่ร์ มีผลงานที่เลวร้าย แค่เข้าสู่ช่วงกลางเดือนมกราคมพวกเขาก็แพ้ในลีกไปแล้ว 7 เกมจากการลงเล่น 21 นัด นั่นทำให้ในช่วงดังกล่าวพวกเขาไม่เข้าใกล้กับการเป็นจ่าฝูงของลีกเลย ส่วนในฟุตบอลถ้วยพวกเขาก็จอดป้ายในศึก ลีก คัพ ตั้งแต่รอบ 4 หลังวจากแพ้ โบลตัน 2-3 คารัง แอนฟิลด์ เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ปี 2003

    ผลงานทั้งหมดทำให้เริ่มมีกระแสเรียกร้องจากแฟนบอล ลิเวอร์พูล บางส่วนว่ามันอาจจะถึงเวลาที่ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งกุนซือแล้ว เพราะที่จริงเมื่อ 1 ฤดูกาลก่อนหน้านั้น อุลลิเย่ร์ ก็พาทีมทำผลงานได้น่าผิดหวัง โดยถึงแม้จะได้แชมป์ ลีก คัพ แต่พวกเขาก็จบซีซั่น 2002-03 ด้วยการเป็นเพียงอันดับ 5 ของตารางคะแนน, ตกรอบ 4 ของ เอฟเอ คัพ, ปิ๋วตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และไปถึงเพียงรอบก่อนรองชนะเลิศของ ยูฟ่า คัพ เท่านั้น

    ถึงกระนั้น ด้วยความที่เป็นคนใจสู้ อุลลิเย่ร์ ก็ไม่ได้ยอมทำตามกระแสเรียกร้องดังกล่าว และพอถึงช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ มันก็มีจดหมายฉบับหนึ่งส่งมาที่ แอนฟิลด์ โดยที่จ่าหน้าถึง อุลลิเย่ร์ แล้วจากนั้นมันก็ถูกส่งต่อไปที่ เมลวู้ด ตามมาตรการปกติ ซึ่ง อุลลิเย่ร์ ก็เปิดจดหมายฉบับนั้นด้วยตนเอง

    แต่กลับกลายเป็นว่าสิ่งที่เขาเจอข้างในทำให้เขาต้องอึ้ง เพราะมันเป็นข้อความเชิงขู่ฆ่าเขา โดยคนเขียนจดหมายถึงขั้นแจกแจงรายละเอียดเรื่องกิจวัตรประจำวันของ อุลลิเย่ร์ ได้ตรงเผงจนเป็นการแสดงให้เห็นว่าเขาสืบเรื่องชีวิตของ อุลลิเย่ร์ มาเป็นอย่างดี แถมยังรู้อีกว่าสภาพอพาร์ทเมนท์ที่ อุลลิเย่ร์ ใช้พักอาศัยในเมืองมันเป็นยังไง

    แน่นอน ลิเวอร์พูล ติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที และทางผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ก็ลงมาสอบสวนเรื่องนี้อย่างจริงจัง ขณะที่แทบทุกคนภายในทัพ "หงส์แดง" ไม่ว่าจะเป็นนักเตะหรือสตาฟฟ์โค้ชต่างก็ให้กำลังใจ อุลลิเย่ร์ กันอย่างเต็มที่ เหมือนที่พวกเขาทำมาตลอดช่วงหลายเดือนก่อนหน้านั้น แต่มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ อุลลิเย่ร์ จะรู้สึกขวัญผวากับเรื่องที่เกิดขึ้น ขณะที่บรรดาครอบครัวกับเพื่อนๆ ของเขาก็ตกใจกับเหตุการณ์นี้เช่นกัน

    ที่จริงนอกจากจดหมายฉบับดังกล่าวแล้วนั้น อุลลิเย่ร์ ก็เคยต้องชอกช้ำใจหลังจากพาทีมตกรอบ 5 ของ เอฟเอ คัพ จกาการแพ้ พอร์ทสมัธ 0-1 ในนัดแข่งใหม่ด้วย เพราะหลังจากจบเกมนั้นมันก็มีบางคนที่ไปพ่นสเปรย์ใส่กำแพงของ เมลวู้ด เป็นข้อความว่า "ฉันหวังว่าแกจะตายเพราะเอดส์นะ อุลลิเย่ร์"

    แต่ถึงแม้จะโดนด่าหรือโดนขู่ฆ่าหนักขนาดนั้น อุลลิเย่ร์ ก็ไม่เคยเกลียดคนลิเวอร์พูล หรือเมืองลิเวอร์พูลแต่อย่างใด โดยตอนที่ ลิเวอร์พูล ได้แชมป์ลีกในฤดูกาล 2019-20 นั้น เขายังเคยให้สัมภาษณ์เลยว่า "การมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล คุณต้องพร้อมที่จะทุ่มเทอย่างหนักกับสิ่งที่คุณทำ คุณต้องมีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ และพอคุณได้อยู่กับ ลิเวอร์พูล สักครั้งหนึ่งแล้วน่ะ คุณก็จะรู้สึกถึงสิ่งที่พิเศษเกี่ยวกับสโมสร, เกี่ยวกับผู้คน และเกี่ยวกับแฟนบอล"

ติดตามข่าว : 
nettechdi.com